สร้างใบรับรองการทดสอบอุปกรณ์ Matter

สถานการณ์การพัฒนาบางอย่าง เช่น การทดสอบ OTA จำเป็นต้องสร้างใบรับรอง Matter ที่ไม่ใช่เวอร์ชันที่ใช้งานจริง

ฟีเจอร์บางอย่างของระบบนิเวศของ Google รวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA ของอุปกรณ์จะดำเนินการโดยใช้ VID/PID ทดสอบไม่ได้

คู่มือนี้จะอธิบายวิธีสร้างและยืนยันใบรับรองที่ไม่ใช่เวอร์ชันที่ใช้งานจริงMatterเพื่อใช้ในการทดสอบ ประเภทของใบรับรองมีดังนี้

  1. การประกาศการรับรอง (CD)
  2. ใบรับรองระดับกลางสำหรับการรับรองผลิตภัณฑ์ (PAI)
  3. ใบรับรองการรับรองอุปกรณ์ (DAC)

ในระหว่างกระบวนการเปิดใช้งาน อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรอง Matter จะต้องรับรองตัวเอง ซึ่งก็คือพิสูจน์ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง Matter ของแท้ ข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ใช้โดยอุปกรณ์ Matter เครื่องสำหรับการรับรองประกอบด้วย

  1. คู่คีย์สำหรับการรับรอง
  2. ชุดใบรับรอง

ใบรับรองการรับรองอุปกรณ์ (DAC) คือลิงก์แรกของเชนใบรับรอง และได้รับการตรวจสอบโดยใบรับรองกลางการรับรองผลิตภัณฑ์ (PAI) ซึ่งได้รับการตรวจสอบโดยหน่วยงานการรับรองผลิตภัณฑ์ (PAA)

ระบบจะลงนามใบรับรองไปพร้อมๆ กับการสร้างคู่คีย์การรับรอง และลงนามโดยใช้คีย์ส่วนตัวของผู้ออกใบรับรองในระดับที่สูงกว่า เพื่อสร้างเชนความน่าเชื่อถือ ดังนั้น ใบรับรอง DAC จึงมีการลงนามโดยคีย์ PAI และใบรับรอง PAI มีการลงนามโดยคีย์ PAA ใบรับรอง PAA เป็นใบรับรองที่ด้านบนสุดของเชน จึงเป็นแบบ Self-signed เชนความน่าเชื่อถือนี้จะเป็นโครงสร้าง PAA แบบรวมศูนย์ ซึ่งจะซิงค์โดยระบบบัญชีแยกส่วนการปฏิบัติตามข้อกำหนดแบบกระจาย (DCL)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการรับรองและการประกาศการรับรอง (CD) ได้ในส่วนเอกสารและข้อความการรับรองเพิ่มเติมและในข้อกำหนดเฉพาะของ Matter

ติดตั้ง Matter SDK

วิธีการเหล่านี้จะถือว่าคุณมีการติดตั้ง Matter SDK ที่ใช้งานได้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมในเอกสารประกอบของ Matter ที่ GitHub หรือดูหัวข้อเริ่มต้นใช้งาน Matter

ติดตั้งยูทิลิตี hexdump xxd หากยังไม่มี เครื่องมือนี้มีประโยชน์ต่อการพิมพ์ข้อมูลเข้าสู่ระบบในรูปแบบ C ดังนี้

sudo apt-get install xxd

บิลด์ chip-cert

  1. ตรวจสอบว่าคุณกำลังใช้ SDK เวอร์ชันล่าสุด ขั้นตอนเหล่านี้ผ่านการทดสอบใน SHA 0b17bce8 ของ GitHub ในสาขา v1.0-branch

    $ cd connectedhomeip
    $ git checkout v1.0-branch
    $ git pull
    
  2. บิลด์ chip-cert ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการดำเนินการหลายอย่างกับข้อมูลเข้าสู่ระบบสำหรับอุปกรณ์ Matter

    1. กำหนดค่าบิลด์

      $ cd src/credentials
      $ source ../../scripts/activate.sh
      $ gn gen out
      

      ตัวอย่างเอาต์พุต gn

      Done. Made 5774 targets from 289 files in 658ms
      
    2. เรียกใช้บิลด์โดยทำดังนี้

      $ ninja -C out
      

      ตัวอย่างเอาต์พุต ninja

      ninja: Entering directory `out'
      [2000/2000] stamp obj/default.stamp
      

สร้างใบรับรอง

ส่งออก VID/PID ที่กําหนดเองเป็นตัวแปรสภาพแวดล้อมเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในการทํางานเมื่อแก้ไขอาร์กิวเมนต์คําสั่ง ดังนี้

$ cd ../..
$ export VID=hexVendorId
$ export PID=hexProductId

สร้างซีดี

  1. สร้าง CD โดยใช้ chip-cert ปัจจุบันผู้ควบคุมดูแลจะตรวจสอบเฉพาะว่า VID และ PID ตรงกับข้อมูลที่อุปกรณ์เปิดเผยในที่อื่นๆ เท่านั้น ได้แก่ กลุ่มข้อมูลพื้นฐาน DAC และต้นทาง DAC (หากมี) คุณเว้นช่องอื่นๆ ไว้ได้ ดังนี้

    $ src/credentials/out/chip-cert gen-cd \
      --key credentials/test/certification-declaration/Chip-Test-CD-Signing-Key.pem \
      --cert credentials/test/certification-declaration/Chip-Test-CD-Signing-Cert.pem \
      --out credentials/test/certification-declaration/Chip-Test-CD-${VID}-${PID}.der \
      --format-version "1" \
      --vendor-id "${VID}" \
      --product-id "${PID}" \
      --device-type-id "0x1234" \
      --certificate-id "ZIG20141ZB330001-24" \
      --security-level "0" \
      --security-info "0" \
      --version-number "9876" \
      --certification-type "0"
    
  2. ยืนยันซีดี ตรวจสอบว่าไฟล์มี VID/PID (ในรูปแบบทศนิยม) ดังนี้

    $ src/credentials/out/chip-cert print-cd credentials/test/certification-declaration/Chip-Test-CD-${VID}-${PID}.der
    

    ตัวอย่างเอาต์พุต

    SignerKeyId value: hex:62FA823359ACFAA9963E1CFA140ADDF504F37160
    0x01, tag[Anonymous]: 0xffffffff, type: Structure (0x15), container:
    0x04,     tag[Context Specific]: 0x0, type: Unsigned Fixed Point (0x04), value: 1
    0x08,     tag[Context Specific]: 0x1, type: Unsigned Fixed Point (0x04), value: XXXXX // <- VID
    0x0A,     tag[Context Specific]: 0x2, type: Array (0x16), container:
    0x0D,         tag[Anonymous]: 0xffffffff, type: Unsigned Fixed Point (0x04), value: XXXXX // <- PID
    0x12,     tag[Context Specific]: 0x3, type: Unsigned Fixed Point (0x04), value: 4660
    0x15,     tag[Context Specific]: 0x4, type: UTF-8 String (0x0c), length: 19, value: "ZIG20141ZB330001-24"
    0x2B,     tag[Context Specific]: 0x5, type: Unsigned Fixed Point (0x04), value: 0
    0x2E,     tag[Context Specific]: 0x6,type: Unsigned Fixed Point (0x04), value: 0
    0x32,     tag[Context Specific]: 0x7, type: Unsigned Fixed Point (0x04), value: 39030
    0x35,     tag[Context Specific]: 0x8, type: Unsigned Fixed Point (0x04), value: 0
    

สร้าง PAI และ DAC

ในตัวอย่างนี้ เราจะใช้ใบรับรองผู้รับรองผลิตภัณฑ์ (PAA) ที่ใช้ทดสอบของ Matter และคีย์การลงนาม Chip-Test-PAA-NoVID เป็นตัวใบรับรองรูท เราจะใช้ CA ดังกล่าวเป็น CA รูทเพื่อสร้าง PAI และ DAC ของเราเอง

  1. สร้าง PAI โดยใช้ PAA คุณอาจระบุข้อมูล PID ใน PAI หรือไม่ก็ได้ แต่การไม่ระบุจะทำให้การทดสอบมีความยืดหยุ่นมากขึ้น หากต้องการ DAC สำหรับ PID เพิ่มเติม ให้ทำตามขั้นตอนการสร้าง DAC เท่านั้น ดังนี้

    $ src/credentials/out/chip-cert gen-att-cert --type i \
      --subject-cn "Matter Test PAI" \
      --subject-vid "${VID}" \
      --valid-from "2021-06-28 14:23:43" \
      --lifetime "4294967295" \
      --ca-key credentials/test/attestation/Chip-Test-PAA-NoVID-Key.pem \
      --ca-cert credentials/test/attestation/Chip-Test-PAA-NoVID-Cert.pem \
      --out-key credentials/test/attestation/"test-PAI-${VID}-key".pem \
      --out credentials/test/attestation/"test-PAI-${VID}-cert".pem
    
  2. สร้าง DAC โดยใช้ PAI ดังนี้

    $ src/credentials/out/chip-cert gen-att-cert --type d \
      --subject-cn "Matter Test DAC 0" \
      --subject-vid "${VID}" \
      --subject-pid "${PID}" \
      --valid-from "2021-06-28 14:23:43" \
      --lifetime "4294967295" \
      --ca-key credentials/test/attestation/"test-PAI-${VID}-key".pem \
      --ca-cert credentials/test/attestation/"test-PAI-${VID}-cert".pem \
      --out-key credentials/test/attestation/"test-DAC-${VID}-${PID}-key".pem \
      --out credentials/test/attestation/"test-DAC-${VID}-${PID}-cert".pem
    
  3. ยืนยัน DAC, PAI และ PAA หากไม่มีข้อผิดพลาดปรากฏในเอาต์พุต แสดงว่ายืนยันเชนการรับรองใบรับรองเรียบร้อยแล้ว

    $ src/credentials/out/chip-cert validate-att-cert \
    --dac credentials/test/attestation/"test-DAC-${VID}-${PID}-cert".pem \
    --pai credentials/test/attestation/"test-PAI-${VID}-cert".pem \
    --paa credentials/test/attestation/Chip-Test-PAA-NoVID-Cert.pem
    
  4. คุณตรวจสอบกุญแจโดยใช้ openssl ได้โดยทำดังนี้

    $ openssl ec -noout -text -in \
      credentials/test/attestation/test-DAC-${VID}-${PID}-key.pem
    

    ตัวอย่างเอาต์พุต

    read EC key
    Private-Key: (256 bit)
    priv:
        c9:f2:b3:04:b2:db:0d:6f:cd:c6:be:f3:7b:76:8d:
        8c:01:4e:0b:9e:ce:3e:72:49:3c:0e:35:63:7c:6c:
        6c:d6
    pub:
        04:4f:93:ba:3b:bf:63:90:73:98:76:1e:af:87:79:
        11:e6:77:e8:e2:df:a7:49:f1:7c:ac:a8:a6:91:76:
        08:5b:39:ce:6c:72:db:6d:9a:92:b3:ba:05:b0:e8:
        31:a0:bf:36:50:2b:5c:72:55:7f:11:c8:01:ff:3a:
        46:b9:19:60:28
    ASN1 OID: prime256v1
    NIST CURVE: P-256
    
  5. คุณยังใช้ openssl เพื่อตรวจสอบใบรับรองที่สร้างขึ้นได้ด้วย โดยทำดังนี้

    $ openssl x509 -noout -text -in \
      credentials/test/attestation/test-DAC-${VID}-${PID}-cert.pem
    

    ตัวอย่างเอาต์พุต

    Certificate:
        Data:
            Version: 3 (0x2)
            Serial Number: 2875998130766646679 (0x27e9990fef088d97)
            Signature Algorithm: ecdsa-with-SHA256
            Issuer: CN = Matter Test PAI, 1.3.6.1.4.1.37244.2.1 = hexVendorId
            Validity
                Not Before: Jun 28 14:23:43 2021 GMT
                Not After : Dec 31 23:59:59 9999 GMT
            Subject: CN = Matter Test DAC 0, 1.3.6.1.4.1.37244.2.1 = hexVendorId, 1.3.6.1.4.1.37244.2.2 = hexProductId
            Subject Public Key Info:
                Public Key Algorithm: id-ecPublicKey
                    Public-Key: (256 bit)
                    pub:
                        04:4f:93:ba:3b:bf:63:90:73:98:76:1e:af:87:79:
                        11:e6:77:e8:e2:df:a7:49:f1:7c:ac:a8:a6:91:76:
                        08:5b:39:ce:6c:72:db:6d:9a:92:b3:ba:05:b0:e8:
                        31:a0:bf:36:50:2b:5c:72:55:7f:11:c8:01:ff:3a:
                        46:b9:19:60:28
                    ASN1 OID: prime256v1
                    NIST CURVE: P-256
            X509v3 extensions:
                X509v3 Basic Constraints: critical
                    CA:FALSE
                X509v3 Key Usage: critical
                    Digital Signature
                X509v3 Subject Key Identifier:
                    21:0A:CA:B1:B6:5F:17:65:D8:61:19:73:84:1A:9D:52:81:19:C5:39
                X509v3 Authority Key Identifier:
                    37:7F:24:9A:73:41:4B:16:6E:6A:42:6E:F5:E8:89:FB:75:F8:77:BB
        Signature Algorithm: ecdsa-with-SHA256
        Signature Value:
            30:45:02:20:38:8f:c5:0d:3e:90:95:dd:7d:7c:e9:5a:05:19:
            1f:2d:14:08:a3:d7:0e:b5:15:6d:d3:b0:0b:f7:b8:28:4d:bf:
            02:21:00:d4:05:30:43:a6:05:00:0e:b9:99:0d:34:3d:75:fe:
            d3:c1:4e:73:ff:e7:05:64:7a:62:8d:2d:38:8f:fd:4d:ad
    

PAA

คุณสามารถใช้กระบวนการที่คล้ายกันนี้เพื่อสร้าง PAA ที่ลงนามด้วยตนเองได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำ

แต่สิ่งที่เราทําในที่นี้คือใช้ PAA การพัฒนาที่ลงนามด้วยตนเองที่มีอยู่ซึ่งไม่มีข้อมูล VID

ดูตัวอย่างเพิ่มเติมของการสร้าง CD ได้ที่ credentials/test/gen-test-cds.sh และดูตัวอย่างเพิ่มเติมของการสร้าง PAA, PAI และ DAC ได้ที่ credentials/test/gen-test-attestation-certs.sh

แทนที่ใบรับรอง

เปลี่ยน PAA และ PAI

  1. เรียกใช้สคริปต์ตัวช่วยต่อไปนี้ ซึ่งใช้เครื่องมือใบรับรอง CHIP (chip-cert) เพื่อสร้างอาร์เรย์สไตล์ C ของใบรับรอง

ดาวน์โหลดสคริปต์ Helper สำหรับใบรับรองที่ฝังได้

#!/bin/bash

#
# generate-embeddable-certs.sh script
# —----------------------------------
#
# This script generates self-minted DAC and PAI.
# The output may easily be included in your C++ source code.
#

# Edit this information with your paths and certificates
folder="credentials/test/attestation"
chip_cert_tool="src/credentials/out/chip-cert"
cert_file_der="${folder}/test-PAI-${VID}-cert.der"
cert_file_pem="${folder}/test-PAI-${VID}-cert.pem"
key_file_pem="${folder}/test-PAI-${VID}-key.pem"

type="Pai"

printf "namespace chip {\n"
printf "namespace DevelopmentCerts {\n\n"
printf "#if CHIP_DEVICE_CONFIG_DEVICE_PRODUCT_ID == ${PID}\n\n"

printcert() {
  # convert cert to DER
  if [ -f "${cert_file_der}" ]; then
      rm "${cert_file_der}"
  fi
  "${chip_cert_tool}" convert-cert "${cert_file_pem}" "${cert_file_der}" --x509-der

  printf "// ------------------------------------------------------------ \n"
  printf "// ${type} CERTIFICATE ${cert_file_der} \n\n"

  printf "constexpr uint8_t ${type}_Cert_Array[] = {\n"
  less -f "${cert_file_der}" | od -t x1 -An | sed 's/\/,/g' | sed 's/^/   /g'
  printf "};\n\n"
  printf "ByteSpan k${type}Cert = ByteSpan(${type}_Cert_Array);\n\n"

  printf "// ${type} PUBLIC KEY FROM ${key_file_pem} \n\n"

  printf "constexpr uint8_t ${type}_PublicKey_Array[] = {\n"
  openssl ec -text -noout -in "${key_file_pem}" 2>/dev/null | sed '/ASN1 OID/d' | sed '/NIST CURVE/d' | sed -n '/pub:/,$p' | sed '/pub:/d' | sed 's/\([0-9a-fA-F][0-9a-fA-F]\)/0x\1/g' | sed 's/:/, /g'
  printf "};\n\n"
  printf "ByteSpan k${type}PublicKey = ByteSpan(${type}_PublicKey_Array);\n\n"

  printf "// ${type} PRIVATE KEY FROM ${key_file_pem} \n\n"

  printf "constexpr uint8_t ${type}_PrivateKey_Array[] = {\n"
  openssl ec -text -noout -in "${key_file_pem}" 2>/dev/null | sed '/read EC key/d' | sed '/Private-Key/d' | sed '/priv:/d' | sed '/pub:/,$d' | sed 's/\([0-9a-fA-F][0-9a-fA-F]\)/0x\1/g' | sed 's/:/, /g'
  printf "};\n\n"
  printf "ByteSpan k${type}PrivateKey = ByteSpan(${type}_PrivateKey_Array);\n\n"
}

# generates PAI
printcert

type="Dac"
cert_file_der="${folder}/test-DAC-${VID}-${PID}-cert.der"
cert_file_pem="${folder}/test-DAC-${VID}-${PID}-cert.pem"
key_file_pem="${folder}/test-DAC-${VID}-${PID}-key.pem"

# generates DAC
printcert

printf "#endif // CHIP_DEVICE_CONFIG_DEVICE_PRODUCT_ID\n"
printf "} // namespace DevelopmentCerts\n"
printf "} // namespace chip\n"


  1. คัดลอกเนื้อหาของเอาต์พุต PAI และ DAC ไปยังการติดตั้งใช้งาน DeviceAttestationCredentialsProvider::GetProductAttestationIntermediateCert

    ในอุปกรณ์เวอร์ชันที่ใช้งานจริง PAI และ DAC จะอยู่ในข้อมูลโรงงาน ส่วน CD จะฝังอยู่ในเฟิร์มแวร์

    1. หากยังไม่ได้ใช้ข้อมูลเริ่มต้น คุณอาจต้องใส่ PAI ใน src/credentials/examples/ExampleDACs.cpp ในกรณีนี้ ให้เพิ่มโค้ดที่สร้างขึ้นต่อท้ายไฟล์ ExampleDACs.cpp

      ByteSpan kDacCert       = ByteSpan(kDevelopmentDAC_Cert_FFF1_801F);
      ByteSpan kDacPrivateKey = ByteSpan(kDevelopmentDAC_PrivateKey_FFF1_801F);
      ByteSpan kDacPublicKey  = ByteSpan(kDevelopmentDAC_PublicKey_FFF1_801F);
      #endif
      } // namespace DevelopmentCerts
      } // namespace chip
      
      /* ------------------------------------------ */
      /* current end-of-file                        */
      /* ------------------------------------------ */
      
      /* ------------------------------------------ */
      /* output of creds-codelab.sh script          */
      /* ------------------------------------------ */
      
      namespace chip {
      namespace DevelopmentCerts {
      
      #if CHIP_DEVICE_CONFIG_DEVICE_PRODUCT_ID == hexProductId
      
      ...
      
      ByteSpan kDacPrivateKey = ByteSpan(Dac_PrivateKey_Array);
      
      #endif // CHIP_DEVICE_CONFIG_DEVICE_PRODUCT_ID
      } // namespace DevelopmentCerts
      } // namespace chip
      
    2. หากคุณใช้ข้อมูลเริ่มต้นหรือผู้ให้บริการข้อมูลเข้าสู่ระบบที่กำหนดเอง ให้ตรวจสอบว่าได้แทรกข้อมูลเข้าสู่ระบบในตำแหน่งที่เหมาะสม คุณอาจต้องตรวจสอบรายละเอียดของแพลตฟอร์มกับผู้ให้บริการ SoC

เปลี่ยนแผ่น CD

  1. ดึงข้อมูลการนำเสนอข้อความของเนื้อหาในไฟล์ CD โดยใช้ xxd

      $ xxd -i credentials/test/certification-declaration/Chip-Test-CD-${VID}-${PID}.der
    

    ตัวอย่างเอาต์พุต

      unsigned char credentials_test_certification_declaration_Chip_Test_CD_hexVendorId_hexProductId_der[] = {
        0x30, 0x81, 0xe9, 0x06, 0x09, 0x2a, 0x86, 0x48, 0x86, 0xf7, 0x0d, 0x01,
        0x07, 0x02, 0xa0, 0x81, 0xdb, 0x30, 0x81, 0xd8, 0x02, 0x01, 0x03, 0x31,
        0x0d, 0x30, 0x0b, 0x06, 0x09, 0x60, 0x86, 0x48, 0x01, 0x65, 0x03, 0x04,
        0x02, 0x01, 0x30, 0x45, 0x06, 0x09, 0x2a, 0x86, 0x48, 0x86, 0xf7, 0x0d,
        0x01, 0x07, 0x01, 0xa0, 0x38, 0x04, 0x36, 0x15, 0x24, 0x00, 0x01, 0x25,
        0x01, 0xfe, 0xca, 0x36, 0x02, 0x05, 0xce, 0xfa, 0x18, 0x25, 0x03, 0x34,
        0x12, 0x2c, 0x04, 0x13, 0x5a, 0x49, 0x47, 0x32, 0x30, 0x31, 0x34, 0x31,
        0x5a, 0x42, 0x33, 0x33, 0x30, 0x30, 0x30, 0x31, 0x2d, 0x32, 0x34, 0x24,
        0x05, 0x00, 0x24, 0x06, 0x00, 0x25, 0x07, 0x76, 0x98, 0x24, 0x08, 0x00,
        0x18, 0x31, 0x7d, 0x30, 0x7b, 0x02, 0x01, 0x03, 0x80, 0x14, 0x62, 0xfa,
        0x82, 0x33, 0x59, 0xac, 0xfa, 0xa9, 0x96, 0x3e, 0x1c, 0xfa, 0x14, 0x0a,
        0xdd, 0xf5, 0x04, 0xf3, 0x71, 0x60, 0x30, 0x0b, 0x06, 0x09, 0x60, 0x86,
        0x48, 0x01, 0x65, 0x03, 0x04, 0x02, 0x01, 0x30, 0x0a, 0x06, 0x08, 0x2a,
        0x86, 0x48, 0xce, 0x3d, 0x04, 0x03, 0x02, 0x04, 0x47, 0x30, 0x45, 0x02,
        0x20, 0x53, 0x25, 0x03, 0x2c, 0x96, 0x50, 0xb6, 0x64, 0xf4, 0x18, 0xbf,
        0x99, 0x47, 0xf8, 0x9d, 0xe6, 0xeb, 0x43, 0x94, 0xf1, 0xce, 0xb2, 0x61,
        0x00, 0xe0, 0xf9, 0x89, 0xa8, 0x71, 0x82, 0x02, 0x0a, 0x02, 0x21, 0x00,
        0xea, 0x0a, 0x40, 0xab, 0x87, 0xad, 0x7e, 0x25, 0xe1, 0xa1, 0x6c, 0xb1,
        0x12, 0xfa, 0x86, 0xfe, 0xea, 0x8a, 0xaf, 0x4b, 0xc1, 0xf3, 0x6f, 0x09,
        0x85, 0x46, 0x50, 0xb6, 0xd0, 0x55, 0x40, 0xe2
      };
      unsigned int credentials_test_certification_declaration_Chip_Test_CD_hexVendorId_hexProductId_der_len = 236;
      ```
    
  2. คัดลอกข้อความที่คุณดึงข้อมูลในขั้นตอนก่อนหน้าไปยังไฟล์ที่ใช้กำหนด CD ลงในบิลด์ เช่นเดียวกับ PAI และ DAC วิธีการจะขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่คุณพัฒนา

หากใช้ตัวอย่างข้อมูลเข้าสู่ระบบ คุณอาจต้องแทนที่เนื้อหาของ kCdForAllExamples ใน ExampleDACProvider::GetCertificationDeclaration ใน src/credentials/examples/DeviceAttestationCredsExample.cpp ดังนี้

    const uint8_t kCdForAllExamples[] = {
            0x30, 0x81, 0xe9, 0x06, 0x09, 0x2a, 0x86, 0x48, 0x86, 0xf7, 0x0d, 0x01,
            0x07, 0x02, 0xa0, 0x81, 0xdb, 0x30, 0x81, 0xd8, 0x02, 0x01, 0x03, 0x31,
            0x0d, 0x30, 0x0b, 0x06, 0x09, 0x60, 0x86, 0x48, 0x01, 0x65, 0x03, 0x04,
            0x02, 0x01, 0x30, 0x45, 0x06, 0x09, 0x2a, 0x86, 0x48, 0x86, 0xf7, 0x0d,
            0x01, 0x07, 0x01, 0xa0, 0x38, 0x04, 0x36, 0x15, 0x24, 0x00, 0x01, 0x25,
            0x01, 0xfe, 0xca, 0x36, 0x02, 0x05, 0xce, 0xfa, 0x18, 0x25, 0x03, 0x34,
            0x12, 0x2c, 0x04, 0x13, 0x5a, 0x49, 0x47, 0x32, 0x30, 0x31, 0x34, 0x31,
            0x5a, 0x42, 0x33, 0x33, 0x30, 0x30, 0x30, 0x31, 0x2d, 0x32, 0x34, 0x24,
            0x05, 0x00, 0x24, 0x06, 0x00, 0x25, 0x07, 0x76, 0x98, 0x24, 0x08, 0x00,
            0x18, 0x31, 0x7d, 0x30, 0x7b, 0x02, 0x01, 0x03, 0x80, 0x14, 0x62, 0xfa,
            0x82, 0x33, 0x59, 0xac, 0xfa, 0xa9, 0x96, 0x3e, 0x1c, 0xfa, 0x14, 0x0a,
            0xdd, 0xf5, 0x04, 0xf3, 0x71, 0x60, 0x30, 0x0b, 0x06, 0x09, 0x60, 0x86,
            0x48, 0x01, 0x65, 0x03, 0x04, 0x02, 0x01, 0x30, 0x0a, 0x06, 0x08, 0x2a,
            0x86, 0x48, 0xce, 0x3d, 0x04, 0x03, 0x02, 0x04, 0x47, 0x30, 0x45, 0x02,
            0x20, 0x53, 0x25, 0x03, 0x2c, 0x96, 0x50, 0xb6, 0x64, 0xf4, 0x18, 0xbf,
            0x99, 0x47, 0xf8, 0x9d, 0xe6, 0xeb, 0x43, 0x94, 0xf1, 0xce, 0xb2, 0x61,
            0x00, 0xe0, 0xf9, 0x89, 0xa8, 0x71, 0x82, 0x02, 0x0a, 0x02, 0x21, 0x00,
            0xea, 0x0a, 0x40, 0xab, 0x87, 0xad, 0x7e, 0x25, 0xe1, 0xa1, 0x6c, 0xb1,
            0x12, 0xfa, 0x86, 0xfe, 0xea, 0x8a, 0xaf, 0x4b, 0xc1, 0xf3, 0x6f, 0x09,
            0x85, 0x46, 0x50, 0xb6, 0xd0, 0x55, 0x40, 0xe2
        };

สร้างเป้าหมาย

สร้างและแฟลชเป้าหมายโดยใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบที่สร้างขึ้นใหม่ ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเอกสารประกอบของ SoC หรืออุปกรณ์ที่รองรับ

เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน

ตอนนี้คุณทำตามขั้นตอนที่อธิบายไว้ในจับคู่อุปกรณ์ Matter เพื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์ Matter ใน Google Home platform ได้แล้ว

แก้ไขข้อบกพร่องโดยใช้ chip-tool

chip-tool เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ส่งใบรับรองที่ถูกต้องหรือไม่ วิธีสร้างมีดังนี้

$ cd examples/chip-tool
$ gn gen out/debug
Done. Made 114 targets from 112 files in 157ms
$ ninja -C out/debug
ninja: Entering directory `out/debug'
$ cd ../..

หากต้องการเปิดใช้บันทึกเพิ่มเติมทุกครั้งที่เรียกใช้ chip-tool โปรดส่ง Flag --trace_decode 1 นอกจากนี้ คุณควรส่งเส้นทางของไฟล์ PAA พร้อม Flag --paa-trust-store-path

ดังนั้น หากต้องการจัดเตรียมอุปกรณ์เทรดโดยใช้ BLE ให้เรียกใช้คำสั่งต่อไปนี้

```
$ examples/chip-tool/out/debug/chip-tool pairing ble-thread 1 \
  hex:Thread_credentials \
  pairing_code \
  discriminator \
  --paa-trust-store-path <path to PAA folder> \
  --trace_decode 1
```

ในกรณีของอุปกรณ์ทดสอบ <PAIRING CODE> คือ 20202021 และ <DISCRIMINATOR> คือ 3840

หากต้องการรับข้อมูลเข้าสู่ระบบ Thread จาก Google Nest Hub (2nd gen) ให้ทำดังนี้

$ adb connect border_router_ip_address
$ adb -e shell ot-ctl dataset active -x
$ adb disconnect

หากต้องการจัดเตรียมอุปกรณ์ Wi-Fi ให้ใช้ตัวเลือก ble-wifi ดังนี้

$ examples/chip-tool/out/debug/chip-tool pairing ble-wifi 1 "SSID" SSID_password pairing_code discriminator